เดินแบบ(คุณหญิง)เป็ด

   
                                    
เดินแบบ(คุณหญิง)เป็ด

 

          “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ

          ยามเมื่อเป็ดมันเดินไป  มองแล้วไม่น่าดูเลย  จำไว้เถิดเพื่อนเอ๋ยๆ จงอย่าเดินให้เหมือนเป็ด”

          บทเพลงที่ผู้ใหญ่เมื่อวันวาน ร้องขับขานให้เด็กฟัง ทั้งเพื่อความเพลิดเพลิน ทั้งเพื่อสอนเด็กๆ หัดเดินให้ตรงทาง อย่าเดินส่ายไปส่ายมา เหมือนเป็ด ซึ่งเดินด้วยอาการกิริยาที่ไม่น่าดูชมแก่คนทั่วไป และ

         

ไม่ควรจดจำนำท่าเดินของเป็ด มาเป็นเยี่ยงอย่างหรือต้นแบบการเดิน          วันนี้ผมอยากจะขยับลุกคอ เพลงสั้นๆ บทนี้ให้ เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้รับฟัง เพื่อเตือนความทรงจำแต่หนหลังที่พ่อแม่ หรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ เคยร้องให้ฟัง และสั่งสอนไว้ว่า 

          “จงอย่าเดินให้เหมือนเป็ด”            ทั้ง เป็ด ก๊าบ ก๊าบ 

          และ เป็ด จารุวรรณ เมณฑกา นั่นล่ะ

 

          ต้องเรียกอย่างให้เกียรติ ว่าคุณหญิง จึงจะถูกต้อง แต่เพื่อความสะดวกปาก และสะดวกใจ และสะดวกมือในการเขียนหนังสือ จึงขอเรียกเธอว่า คุณหญิงเป็ด ก็แล้วกัน  สั้นๆ ได้ความ กระชับความรู้สึก เพื่อให้สอดรับกับชื่อเรื่อง

          “เดินแบบ(คุณหญิง)เป็ด”

           คนไทยในกาลอดีต เป็นคนช่างคิด ช่างเปรียบเทียบ สอนสั่งให้เด็กฟังแต่ละเรื่อง เพื่อให้จดจำได้ง่ายก็มักจะหยิบยกอาการของสัตว์ หรือ ธรรมชาติ ที่พบเห็นมาเทียบเคียงให้ได้เห็นภาพกันชัดๆ และเห็นกันบ่อยๆ ง่ายๆ   เพื่อที่จะได้เข้าใจ และจดจำฝังรากหยั่งลึกในสมอง 

          ยิ่งเป็นเรื่องต้องห้าม ทั้งหลาย ก็จะสรรหาอาการกิริยาที่น่ารังเกียจ หรือ ไม่พึงประสงค์ของผู้คนทั่วไป มาเป็นตัวอย่าง เช่น การเดินของเป็ด ดังที่ถูกนำมาประดิษฐ์ถ้อยร้อยคำเป็นลำนำสั้นๆ แต่เห็นภาพชัดเจน และห้ามเด็ดขาดว่า

          “จงอย่าเดินให้เหมือนเป็ด”         ซึ่งเป็นคำห้าม และ คำสอนที่นำมาปรับประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดีกับสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่มี คุณหญิงเป็ด เป็นผู้ว่าการ หรือผู้บริหารหมายเลขหนึ่ง ของหน่วยราชการอิสระหน่วยงานนี้

          สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เป็นหน่วยงานที่กำลังดังที่สุด มีบทบาทมากที่สุด และทรงอิทธิพลสูงสุด ในห้วงเวลาที่คณะรัฐประหาร มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศไทย ยามนี้  เพราะถูกเลือกให้เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สร้างพยานหลักฐาน รองรับความชอบธรรมของการก่อการรัฐประหาร ของคณะผู้ก่อการที่นำโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชา การทหารบก 

          คงไม่ผิดนัก หากจะกล่าวว่าการรัฐประหารครั้งนี้ จะสมบูรณ์หรือไม่ จะชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมและอนาคตของคณะผู้ก่อการทุกคน ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นี้เอง ว่าจะสร้างสรรปั้นเสกพยานหลักฐาน มารองรับเหตุผลการก่อรัฐประหาร ได้อย่างแนบเนียน ไร้ซึ่งข้อทักท้วง หรือ ข้อโต้แย้ง กระทั่งมีพิรุธ ให้ถูกจับได้หรือไม่

          หากว่า สตง. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้ความเสีย หายแก่รัฐ หรือ คตส. และเป็นหน่วยงานหลักในการนำเสนอข้อมูลเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกระบุว่ามีการกระทำทุจริตคอรัปชั่น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ บรร ลุผล ตามที่คณะรัฐประหารมอบหมาย

          คนที่จะต้องตายแน่ๆ คาที่คาเท้าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ โดยที่ไม่มีโอกาสเรียกรถพยาบาลมาปั๊มหัวใจ ก็เห็นจะเป็น ผู้ก่อการรัฐประหาร ในฐานะที่ ก่อการรัฐประหาร ด้วยเหตุผลโป้ปดมดเท็จ 

           ตามมาติดๆ เป็นศพที่สองก็เห็นจะเป็นคณะกรรมการ คตส. ที่ถูกเชิดขึ้นมาให้เป็นตัวแทนของคณะรัฐประหาร มีอำนาจหน้าที่ผูกโยงเรื่องราวต่างๆ ให้มีน้ำหนักและหลักฐานว่า มีการกระทำทุจริตคอรัปชั่นจริง ตามที่คณะรัฐประหารได้แถลงเป็นข้ออ้างสำคัญในการก่อการรัฐประหารขึ้นมา          นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราได้เห็นคุณหญิงเป็ด เข้าพบหัวหน้าโจรใหญ่ ใจกบฎ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่รังโจรกองทัพบก หลังการยึดอำนาจไม่ถึง 24 ชั่วโมง เพราะคุณหญิงเป็ด คือความหวังทั้งหมดทั้งมวลของคณะรัฐประหารที่จะมาช่วยกันสร้างพยานหลักฐานรองรับข้ออ้างของการปล้นอำนาจประชาชนทำลายประชาธิปไตย ในครั้งนี้

          คุณหญิงเป็ด จึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด และ ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย ขณะนี้ และคงไม่เกินจริงหากจะบอกว่าคุณหญิงเป็ด คือผู้หญิงที่คณะรัฐประหารให้ความเกรงใจ และเกรงกลัวมากที่สุด ในฐานะผู้กุมทั้งความลับ ของลับ กล่องดวงใจของคณะผู้ก่อการรัฐประหาร ทุกคน  

          อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงคนเดียวที่จะทำให้ บั้นปลายชีวิตของผู้ก่อการรัฐประหารครั้งล่าสุด จบลงอย่าง “เจ้า” หรือ อย่าง “โจร”           หากอยากรู้ว่าคุณหญิงเป็ด เป็นบุคคลสำคัญ และทรงอิทธิพลมากน้อยเพียงใด ท่านสามารถตรวจสอบได้จากประกาศคปค. ฉบับที่ 12 ซึ่งลงนามโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 หลังจากที่คุณหญิงเป็ด เข้าพบ ซึ่งมีใจความสาระสำคัญยิ่งยวด ว่

          “ข้อ 1.ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน มีผลใช้บังคับต่อไป โดยให้งดการบังคับใช้บทบัญญัติในส่วนที่ 1 หมวด 1 จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น และให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2549 พ้นจากตำแหน่ง
 
          ข้อ 2. ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2549 คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการประกาศเป็นอย่างอื่น

          ข้อ 3. การใดที่กำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน” 

          ใหญ่ไม่ใหญ่ก็เชิญพินิจกันเอาเอง  เกรงใจไม่เกรงใจ ก็ลองคิดกันให้ทั่ว  กลัวไม่กลัว ก็ใช้หัวแม่เท้าตรึกตรองกันให้ดี 

          คณะรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ต้องประกาศให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ อยู่ได้ โดยไม่ต้องมีแม่ เปรียบเป็นผลไม้ก็คือ โค่นต้นทิ้ง แต่แขวนผลไว้กลางอากาศ ประหลาดดีแท้          คณะรัฐประหารยุบทิ้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ ให้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แต่ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทำงานต่อไปได้ โดยไม่ต้องมีคณะกรรมการกำกับดูแล และยังให้รวบริบอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย มาเป็นของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เรียกว่ารวบอำนาจมาไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว 

          เห็นกันหรือยังว่าคุณหญิงเป็ด ในชั่วโมงนี้ พ.ศ.นี้ ใหญ่โตบะเริ่มเทิ่มขนาดไหนแต่ทว่า 9 เดือนผ่านไป  นับตั้งแต่วันที่คุณหญิงเป็ด ได้รับมอบป้ายประกาศิตมาจากหัวหน้าโจรใหญ่ ใจกบฎ ที่ปราบดาภิเษกตัวเองเป็นประหนึ่งฮ่องเต้ นั่งเท่ห์อยู่บนเก้าอี้ประธานคปค. จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่เรื่องเดียวที่ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นแบบจะๆ มีแต่ข้อกล่าวหาเต็มไปหมด        

          9 เดือนผ่านไป ข้อกล่าวหาก็ยังคงเป็นข้อกล่าวหา

          แม้แต่การหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนว่าข้อกล่าวหานั้น มีมูล น่าเชื่อถือ เพื่อที่จะเขยิบฐานะจากข้อกล่าวหา ขึ้นมาเป็นข้อเท็จจริง ก็ยังไม่บรรลุผล การพิสูจน์ความผิดที่มีอยู่จริงในข้อกล่าวหาแต่ละข้อ จึงยังไม่เริ่มต้นขึ้น   

          สอบกันไปสอบกันมา กรรมการคตส.หลายคน ทำท่าว่าจะถอดใจกันเสียแล้ว เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องที่สอบกันมานานเกือบปีกว่า 10 เรื่องนั้น นอกจากมีแห้วกระป๋อง รออยู่ที่ปลายทาง แล้ว ยังมีคดีความที่ต้องตกเป็นจำเลย รออยู่อีกไม่น้อยกว่าคนละ 10 คดี 

           กรรมการบางคนเริ่มทำใจแล้วว่า หลังจากหมดสิ้นอำนาจวาสนากับตำแหน่งคตส. ต้องเปลี่ยนอาชีพจากนักกฎหมาย อาจารย์ ทนายความ เป็น จำเลยอาชีพ มองเห็นอนาคตตัวเอง ต้องขึ้นศาลทุกวัน อยู่รำไรรำไร 

          เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะข้อมูลเบื้องต้นของแต่ละเรื่อง ที่คุณหญิงเป็ด รวบรวมมาให้ใส่แฟ้มกองโต แถมพกด้วยคำคุยโม้โอ้อวดว่า สตง. ตรวจสอบมาแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ มีหลักฐานมัดแน่น  เอาผิดได้ทันที  

          แต่เมื่ออ่านกันอย่างถ้วนถี่ ตรวจกันดีๆ ลงลึกไปแต่ละหน้า แต่ละรายละเอียด   กรรมการคตส. หลายคนถึงกับมีอาการจุกเสียด ท้องอืดเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวขึ้นมาอย่าปัจจุบันทันด่วน

          แต่ละเรื่อง แต่ละกรณี มีข้อกล่าวหารออยู่ แต่หลักฐานจะมัดตัวผู้กระทำผิดไม่มีมาด้วย ต้องเริ่มต้นตรวจสอบกันใหม่หมด หลายเรื่องเคยฟังมาอย่างหนึ่ง แต่พอมาทำงาน มาตรวจสอบด้วยตาตัวเอง กลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง จึงได้แต่นั่งอึ้ง ทึ่ง เสียว กลัวอนาคตตัวเอง แทนที่จะเดินทางตรงกลับบ้านอย่างปลอดภัย จะต้องเปลี่ยนเป็นเดินเลี้ยวเฉี่ยวประตูคุก ก็เพราะคุณหญิเป็ด คนนี้ล่ะ

          กรรมการคตส. อย่างน้อย 2 คน เพิ่งเข้าใจว่าทำไม นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธานศาลฎีกา ถึงลาออกจากการเป็นประธานกรรมการคตส. หลังจากเข้าประชุมร่วมกับคุณหญิงเป็ด เพียงครั้งเดียว  โดยทิ้งคำพูดก่อนจากไปว่า คุณหญิงเป็ด ทำอะไรตาม ใจตัวเอง ถ้าเดินตามข้อมูลหลักฐานที่คุณหญิงเป็ด จัดทำมาให้ การทำงานยากจะประสบความ สำเร็จ

          “ผมรู้ดีว่าสังคมให้ความหวังไว้สูงมากกับคณะกรรมการชุดนี้ แต่ผมก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐานที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องไปถึงศาลยุติธรรม คดีอาจจะหลุดในชั้นศาลเหมือนสมัยรสช.ก็ได้”

          คำพูดของ นายสวัสดิ์ โชติพานิช สะท้อนให้เห็นว่าคุณหญิงเป็ด เป็นอย่างไร  แต่สุดท้ายเมื่อท้ายสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็ตัดสินใจเลือกคุณหญิงเป็ด ทำให้นายสวัสดิ์ โชติพานิช ลาออกจากตำแหน่งประธานคตส. ทันที 

          พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ต้องออกคำสั่งคปค. ตั้งคณะกรรมการคตส. ชุดใหม่ มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน และ มีคณะกรรมการที่เป็นฝ่ายแค้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาทำหน้าที่ตรวจสอบพ.ต.ท.ทักษิณ แทนครบถ้วนทุกคน ตามที่คุณหญิงเป็ด ต้องการ  โดยไม่คำนึงว่าขัดหลักนิติศาสตร์ และละเมิดหลักนิติธรรม อย่างไร 

          นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณหญิงเป็ด เป็นบุคคลสำคัญระดับใด

ก็ทั้งๆ ที่คุณหญิงเป็ด  เป็นผู้ทรงอิทธิพลถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดไฉนเล่า นายประดาบ จึงมาร้องเพลง “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ” เตือนเจ้าหน้าที่สตง. ว่า “จงอย่าเดินให้เหมือนเป็ด”

          ก็เพราะผมมองเห็นอนาคตของคุณหญิงเป็ด น่ะสิครับ ว่าเธอคนนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นการเป็นจำเลยอาชีพ แน่ๆ เมื่อเกษียณอายุราชการ  ทั้งบำนาญ และ บำเหน็จ  ถ้าหมดยุคเผด็จการเบ็ดเสร็จพ.ศ.นี้แล้ว คงจะต้องส่งคืนหลวงทั้งหมด เพราะ

 

 

          ผู้ต้องโทษคุมขัง ไม่มีสิทธิได้ รับน่ะสิครับ          ถามว่าเดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด  ที่เจ้าหน้าที่สตง.ไม่ควรเดินตาม นั้นเดินแบบไหนหรือ          คำตอบ ก็คือ …

 

          เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่า เมียเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน แต่สามีทำมาหากินกับเงินหลวง เปิดโรงพิมพ์ขนาดไม่ใหญ่ไม่โต แต่ใครไปเห็นกับตามาแล้ว ต้องร้องโอ้โห.. ทุกรายไป  มีงานพิมพ์ทั้งจากเอกชน และส่วนราชการ เข้ามาไม่ขาดสา

          งานหลายงานรับมาแล้ว พิมพ์ไม่ทัน ต้องส่งต่อให้โรงพิมพ์อื่นพิมพ์แทน  จึงได้แต่กินหัวคิวค่ารับงานเฉยๆ  โดยเฉพาะงานพิมพ์ของส่วนราชการ ไม่รู้เป็นอะไรกันนักหนา ไหลมาเทมาที่โรงพิมพ์แห่งนี้ จนแท่นพิมพ์ไม่ว่าง ตารางการพิมพ์แน่นเอี๊ยด  หลายปีมานี้ จึงได้แต่กินหัวคิวเฉยๆ เพราะพิมพ์ไม่ทัน 

          ไม่ต้องถามกันเข้ามาว่าโรงพิมพ์นี้อยู่ที่ไหน เพราะจะเฉลยให้เลยว่า โรงพิมพ์อยู่ย่านประชานิเวศน์ อยู่ในรั้วเดียวกันกับบ้านพักคุณหญิงเป็ด นั่นล่ะ

          เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่าใส่ชื่อลูกชายเป็นเลขานุการส่วนตัว กินเงินเดือน 30,000 บาท ฟรีๆ โดยไม่ต้องทำงาน ใครเอาเรื่องนี้มาประจาน ก็บอกว่าเป็นสิทธิของแม่ที่จะตั้งลูก เป็นเลขานุการ เพราะไว้วางใจเป็นพิเศษกว่าทุกๆ คน 

          เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่าใส่ชื่อลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่สตง. เพื่อจะขอเบิกงบประมาณแผ่นดิน ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ลูกสาวไปเที่ยวทริปเดียวกับที่คุณหญิงแม่ ไปราช การต่างประเทศ  เมื่อถูกนำเรื่องมาเปิดโปงว่าเป็นคนขี้โกง  ก็คุยขโมงว่าเงินแค่ไม่กี่บาท จ่ายเองก็ได้

เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่ายื่นเงื่อนไขแลกขั้นเปลี่ยนตำแหน่งให้กับน้องสาวที่ชื่อ เจ๊ไก่ ข้าราชการผู้ยิ่งใหญ่แห่งกระทรวงกษตรและสหรณ์

กับ การไม่ตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นขบวนการโกงลำใย ที่ทำกันแบบอุกอาจ 4 ปีซ้อน ราวกับเป็นมหกรรมทุจริตประจำปี ตั้งแต่สมัยประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์  จนถึง สมศักดิ์ เทพสุทิน และสุดท้ายปิดมหกรรมที่ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์          
การยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ครั้งนี้ มีนายบรรพต หงษ์ทอง  ปลัดกระทรวงเกษตรฯ หนึ่งในจำเลยขบวนการมหกรรมโกงกินลำไย เป็นผู้รับเงื่อนไข  ส่งผลให้วันนี้ เจ๊ไก่  ไม่ใช่ข้าราชการธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นข้าราชการผู้ยิ่งใหญ่  ที่ปลัดกระทรวง ต้องเกรงใจ 
เจ๊ไก่  น้องพี่เป็ด เลื่อนขั้นกระชั้นถี่ยิ่งนัก ยกระดับจาก 7 เป็น 8 และ 8 เป็น 9 ในเวลาอันเร็วรี่ แค่ไม่กี่ปี ก็ถีบตัวเองทะยานจ่อซี10   ตำแหน่งอธิบดีหญิงคงไม่ไกลเกินเอื้อม           เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่าเลือกตรวจสอบเฉพาะบุคคล และหน่วยงานที่ขัดประ โยชน์ส่วนตนและครอบครัว  ละเว้นการตรวจสอบบุคคล หน่วยงานที่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง 

          ยอมเป็นข้าราชการ ภายใต้อำนาจเถื่อน เผด็จการทหาร  แตไม่ยอมเป็นข้าราชการของรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย

          เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่าอาสาคณะรัฐประหาร เล่นงานนักการเมือง เพื่อชำระแค้นส่วนตัว โดยไม่สนใจว่าจะต้อง “ทำมั่ว” และ “ทำชั่ว” อย่างไรบ้าง

          นำวิชาชีพ และความไว้วางพระราชหฤทัยของพระมหากษัตริย์ ที่โปรดเกล้าฯ เป็นคุณหญิง มารองรับการประพฤติผิดคิดมิชอบ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง 

          เดินอย่าง(คุณหญิง)เป็ด แบบที่ว่านำสำนักงานตวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเห็นหน่วยราช การอิสระ ไปรับใช้คณะรัฐประหาร สร้างตำนานผู้นำการเมืองนอกระบบเข้าสู่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นคนแรก

          นี่เป็นตัวอย่างการเดินแบบคุณหญิงเป็ด หรือ เดินแบบเป็ด ที่เจ้าหน้าที่สตง. ไม่ควรเดินตาม เพราะ “มองแล้วไม่น่าดูเลย” เป็นที่รังเกียจของประชาชนทั่วไป

          นี่ยังไม่นับเรื่องตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่เป็นอยู่นั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 

         ตำแหน่งนี้เถื่อนหรือถูก ยังเป็นปมที่ผูกเอาไว้ รอให้มีการวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง          เนื่องจาก ศาลอาญาได้สั่งจำคุกนายปัญญา ตันติยวรงค์ อดีตประธานคณะกรรม การตรวจเงินแผ่นดิน เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากกระทำความผิด เสนอชื่อคุณหญิงเป็ด เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ต่อวุฒิสภา  ขัดต่อพระราชบัญญัติประ กอบรัฐรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน  กฎหมายกำหนดให้เสนอเพียงชื่อเดียวที่ได้รับคะแนนสูงสุด เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา   แต่นายปัญญา เสนอทีเดียว 3 ชื่อ แอบใส่ชื่อคุณหญิงเป็ด ไปให้วุฒิสภา พิจารณาคัดเลือกด้วย ทั้งๆ ที่คุณหญิงเป็ด ไม่มีสิทธิ  เพราะไม่ผ่านการสรรหาในชั้นต้น

          การที่ศาลอาญา พิพากษาว่านายปัญญา ตันติยวรงค์ มีความผิด เพราะเสนอชื่อคุณหญิงเป็ด ขัดต่อกฎหมาย ทำให้เกิดคำถามขึ้นทันทีว่าแล้วตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินของคุณหญิงเป็ด เป็นตำแหน่งถูกหรือตำแหน่งเถื่อน  เพราะไม่ได้มาตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องของกฎหมาย   นายประธาน ดาบเพชร ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด แต่ไม่ได้เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะความสามารถในการล็อบบี้ หรือ ศักยภาพการขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา ต่ำกว่าคุณหญิงเป็ด ที่ได้คะแนนต่ำ แต่ความสามารถการล็อบบี้สูง ซึ่งเป็นผู้ฟ้องดำเนินคดีกับนายปัญญา ที่ทำให้เสียสิทธิ  สะท้อนให้เห็นถึงภาพการทำงานของคุณหญิงเป็ด ที่ไม่ควรเดินตาม ว่า

          “จากการรวบรวมข้อมูลนับตั้งแต่ที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าฯ สตง. เห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายหลายเรื่อง โดยการทำงานมุ่งปราบปรามการทุจริต จนทำให้ประชาชนคาดหวัง แต่ทำไม่ได้ เพราะ สตง.จะต้องป้องกันการทุจริต และยังมีการทำผิดกฎหมายโดยรายงานการตรวจสอบอันเป็นเท็จ ในหลายเรื่อง ซึ่งได้ส่งเรื่องไปให้ประธาน คตง. นายกรัฐมนตรี และวุฒิสภาดำเนินการตรวจสอบแล้ว

          ข้อมูลที่ผมเสนอไปนั้น ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปดำเนินการจะสามารถเอาผิดกับคนเกี่ยวข้องได้ มีตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป รวมถึงผู้ว่าฯสตง. ผมสรุปจากพยานหลักฐาน แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพราะการดำเนินการนั้นทำให้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินเกิดความระส่ำระสาย ผมเลยแจ้งให้หน่วยรับตรวจของ สตง. ให้ช่วยกันตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ สตง. ให้อยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่เกินเลยหลักนิติรัฐต่อไป         

           วันนี้ ข้อมูลที่นายประธาน ดาบเพชร เสนอไปนั้น คงสูญหาย ถูกทำลายไปหมดแล้ว แม้จะไม่สูญหาย แต่ก็ไม่สามารถระคายผิวกายของคุณหญิงเป็ด ได้ อย่างแน่นอน

          เห็นคุณหญิงเธอ เป็นผู้หญิง อย่าคิดว่าเธออ่อนแอ อ่อนน้อม และอ่อนไหว ดังภาพที่เห็นเชียวนา 

          ว่ากันว่าเมื่อถึงเวลาหงุดหงิด เธอโหดอำมหิตชนิดที่ชายต้องทึ่งปนเสียวทีเดียวล่ะ เธอเชือดได้ภายใต้สีหน้าที่เรียบสนิท ปราศจากความรู้สึกร้อนหนาว กระทั่งผิดชอบชั่วดี ก็อาจจะนับเหมารวมได้

          ไม่อย่างนั้นแล้ว คณะรัฐประหาร ที่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง (แต่แข็งไม่แข็งไม่รู้เหมือนกัน) คงไม่ตกอยู่ในคำสั่งของเธอ สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ 

          ก็ถึงขนาดสั่งให้มอบอำนาจทั้งหมดในกฎหมาย มาเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทั้งๆ ที่ขัดหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมาย คณะรัฐประหาร ก็ยังทำตามอย่างว่าง่ายเห็นหรือยังว่า อิทธิฤทธิ์คุณหญิงเป็ด เธอเป็นอย่างไร

          โดยเฉพาะนายทหารเจ้าชู้ แบบบิ๊กบัง น่าจะเป็นคนแพ้ทางเป็ด

          คงโดนคำขู่ “เดี๋ยวตัดให้เป็ดกินเสียเลย” มากจนประสาทเสีย          

          เจอคุณหญิงเป็ด ตัวเป็นๆ เข้า ก็เลยอ่อนระทวย ต้องยอมเอออวยเอาด้วยทุกเรื่องที่คุณหญิงเป็ด เสนอมา  

          แต่หนังชีวิตเรื่องนี้ ต้องดูกันยาวๆ  เพราะไม่จบง่ายๆ  

          เหมือนกับที่สำนวนนักรบ เขาชอบพูดกันว่า สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารหนังเรื่องชีวิตของ(คุณหญิง)เป็ด ก็เช่นเดียวกัน

          หนังยังไม่จบ ยังดูไม่ออก บอกไม่ได้ว่าบทสุดท้ายของเป็ดอย่างคุณหญิงเธอ จะลงเอยอย่างไร

          จะเป็นเป็ดพะโล้  หรือ เป็ดย่าง  หรือ เป็ดดับกลิ่นชักโครก ยังตอบไม่ได้  ต้องดูกันยาวๆ 

          บางที่เราอาจจะเห็นเป็ดถูกจับใส่กรงขังไว้รอเชือดเมื่อถึงวันเวลาอันเหมาะสม ก็เป็นได้ 

          ด้วยความหวังดี ก่อนจบคอลัมน์วันนี้ อยากจะร้องเตือนใจให้เจ้าหน้าที่สตง.ฟังกันอีกสักรอบ  

          “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ

          ยามเมื่อเป็ดมันเดินไป  มองแล้วไม่น่าดูเลย  จำไว้เถิดเพื่อนเอ๋ยๆ..

          จงอย่าเดินให้เหมือนเป็ด”

         ก่อนจากกัน ผมมีหลักฐานการผลาญงบ พาลูกชายและลูกสาวเที่ยวเมืองนอก มาตอกย้ำถึงความโปร่งใสของคุณหญิงเป็ด มาให้ดูกันเล่นๆ 

ป้ายกำกับ:

ใส่ความเห็น